สิทธิประโยชน์จากแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่

คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (“บีโอไอ”) ได้ประกาศใช้ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุนฉบับใหม่ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) อย่างเป็นทางการ
ประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนฉบับนี้เริ่มใช้กับคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่ยื่นขอ ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.2566 เป็นต้นไป โดยแผนยุทธศาสตร์ใหม่เน้นแนวคิดหลัก 3 ประการ คือ 1. นวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ 2. ความสามารถในการแข่งขัน และ 3. การมีส่วนร่วมเพื่อกระตุ้นการลงทุนในประเทศไทย เช่น บีโอไอได้มีการนำเสนอมาตรการพิเศษเพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจโดยส่งเสริมให้นักลงทุนที่ลงทุนอยู่เดิมให้ยังคงเลือกประเทศไทยเป็นฐานในการประกอบธุรกิจ
โดยนักลงทุนเหล่านี้อาจได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มอีกเป็นระยะเวลา 3 ปี หรือได้รับลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 5 ปี หากนักลงทุนดังกล่าวมีการลงทุนใหม่ที่เข้าเงื่อนไขตามที่บีโอไอกำหนด ทั้งนี้สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับนั้นจะขึ้นอยู่กับประเภทของกิจการ
บีโอไอยังได้มีการนำเสนอกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ที่ให้การส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อความยั่งยืนซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษ ตัวอย่างของประเภทกิจการใหม่ที่บีโอไอให้การส่งเสริมการลงทุน ได้แก่กิจการการจัดตั้งสถานีบริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับยานพาหนะไฟฟ้า กิจการการผลิตยานพาหนะพลังงานไฮโดรเจน กิจการผลิตอาหารแห่งอนาคต เป็นต้น นอกจากนี้บีโอไอยังมุ่งสนับสนุนการใช้พลังงานหมุนเวียน โดยประเภทกิจการใหม่ที่บีโอไอให้การส่งเสริมการลงทุนที่เกี่ยวกับการใช้พลังงานหมุนเวียนได้แก่ การผลิตไฮโดรเจนจากน้ำโดยใช้พลังงานหมุนเวียน และกิจการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น green ammonia และการผลิตพลังงานไอน้ำจากไฮโดรเจน เป็นต้น
สำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมต้นน้ำที่เกี่ยวกับใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง เช่น ไบโอเทค (Biotech) นาโนเทค (Nanotech) และเทคโนโลยีวัสดุขั้นสูง (Advanced materials tech) จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลโดยไม่จำกัดวงเงินภาษีเป็นระยะเวลา 10 ถึง 13 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของกิจการของโครงการที่จะขอรับการส่งเสริมการลงทุน แนะนำข่าวเพิ่มเติม>>> “คาราบาวแดง” กัดฟันขายเครื่องดื่มชูกำลัง 10 บาทเท่าเดิม แม้คู่แข่งขึ้นราคา